ทริประยอง 3 วัน 2 คืน Feat. เที่ยวเกาะเสม็ดแบบเด็ดๆไม่กลัวแดด!

! S u m m e r  Vibes wink อันร้อนแรง จะมีอะไรเป็นทางเลือกได้ดีเท่าการไปเที่ยวมาเล

เอ้ย ทะเลอีกจริงมะ! ในเมื่อใจมันเรียกร้องขนาดนี้จะรอช้าอยู่ไย #ก็ไปดิค้าบบบ

รีบหยิบบิกินี่ตัวเก่ง หมวกใบโปรด หรือแว่นกันแดดสุดชิคยัดใส่กระเป๋าให้ไว

และที่สำคัญต้องห้ามพลาดผู้ช่วยที่จะคอยปกป้องผิวสวยในทุกสถานการณ์สนุกของเรา

ในทุกครั้งที่เดินทาง อย่าง Banana Boat Simply Protect Sport SPF50+ PA++++

สำหรับสายลุยที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งท้าแดดแบบเรา

 

 DAY 1      

เราออกเดินทางจากกรุงเทพกันในเวลาสายๆ เพื่อไม่ให้แดดร้อนจนเกินไปนัก เเวะทานมื้อเช้า 

ซื้อขนมมาเตรียมตุนไว้สำหรับเติมพลังยามหิวอีกนิดหน่อย จากนั้นก็ใช้เวลาเดินทางต่อยาวๆ

ประมาณ 3 ชั่วโมง เข้าเขตจังหวัดระยองพร้อมออกไปสนุกกันแล้วจ้าา…

 

     จุดเช็คอินแรกของทริปนี้ เราประเดิมกันที่  " เ นิ น ขี้ ห ม า " 

เชื่อว่าหลายคนได้ฟังแค่ชื่ออาจจะดูไม่ลื่นหูน่าพิศสมัยเท่าไหร่

แต่บอกเลยว่าฟังแล้วอย่าเพิ่งรีบเบ้หน้าหนีไปก่อน ไม่งั้นเธอจะต้องเสียใจอย่างแรง

เพราะมันชิคมากกกก! (ก.ไก่ล้านตัว)

 

เนินขี้หมา หรือมีชื่อเล่นเพราะๆ อีกชื่อหนึ่งว่า " เนินส่องตะวัน "

ที่นอกจากจะเป็นเส้นทางถนนสวยน่าขับรถแวะถ่ายรูปเล่นแล้ว

ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิว และเส้นทางยอดฮิตสำหรับเหล่านักปั่นจักรยานทั้งหลายอีกด้วยค่ะ

 

โดยจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปนั้นอยู่ถัดเข้าไปในโซนภูเขาหญ้าสองสี

ที่มีทั้งพื้นที่ราบเป็นลานกว้าง และสูงต่ำสลับกัน

เมื่อเดินต่อเข้าไปอีกนิดประมาณ 100 เมตร จะเจอเนินเขาขนาดย่อม

ซึ่งสูงที่สุดในบริเวณนั้น ให้เราสามารถขึ้นไปยืนชมวิวได้โดยรอบ

ส่วนใครที่อยากได้รูปพอร์ตเทรตสวยๆ แนะนำให้ไปช่วงยามเย็นสัก 16.00 น.เป็นต้นไป

รับรองว่าได้ภาพ ส ว ย ปั ง! จนทุกคนอิจฉาแน่นอน

จากเนินขี้หมา เราหนีมาเดินเล่นหลบร้อน หาของอร่อยทานกันต่อ ณ ถนนยมจินดา

ย่านเก่าแก่ของเมืองระยอง ที่ยังคงความคลาสสิกด้วยสถาปัตยกรรมแบบบ้านไม้

อบอวลไปด้วยเสน่ห์จากวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนจนเหมือนเราได้ย้อนกลับไปยังจังหวัดระยองในวันวาน 

ซึ่งด้านในมีทั้งศาลเจ้าแม่ทับทิมให้เราได้สักการะ ร้านกาแฟเก๋ๆ

ไปจนถึงร้านอาหารเก่าแก่แต่เก๋าระดับตำนานของย่านนี้ แถมรสชาติยังอร่อยถูกปากสุดๆ

อย่างร้าน " ส ะ พ า น ไ ม้ " ที่คนขายเป็นบรรดาคุณป้าแสนใจดี คอยยิ้มแย้มต้อนรับเราด้วยความเป็นมิตร 

ซึ่งมีเมนูที่ขายก็มีให้เราได้เลือกอร่อยได้อย่างหลากหลายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นขนมจีนซาวน้ำ

ก๋วยเตี๋ยวหลอด ตลอดจนขนมหวานล้างปากสไตล์ไทยๆ ก็สนนราคาเริ่มต้นแค่ 10-30 บาทเท่านั้น

เรียกว่ากำแบงค์ร้อยมาจ่ายนี่ได้ทั้งท้องอิ่ม พร้อมเงินทอนกลับไปแน่นอน

คอนเฟิร์มในความถูกจริงอะไรจริง ไอเลิ้ฟฟฟฟ ! heart

นอกจากนี้ใกล้กันยังเปิดเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ และ สภากาแฟที่ด้านในนั้นเต็มไปด้วยของสะสมเก่าแก่

หาชมได้ยาก เอาใจใครที่อยากนั่งดื่มด่ำบรรยากาศมองรถราวิ่งผ่านไปมาอีกด้วยค่ะ

หูยย~ เท่ไม่เบาเลยนะเนี่ย

 บ่ายกว่าแดดชักแรงเต็มที แบบนี้คงต้องขอใช้ตัวช่วย !!!

ว่าแล้วก็หยิบกันแดดสูตรสเปรย์ขึ้นมาฉีดสักหน่อย

เพราะเจ้ารังสียูวีตัวร้ายนั้นพร้อมทำร้ายเราได้ทุกเมื่อ แม้มองไม่เห็นเลยล่ะ

โชคดีที่หัวฉีดสเปรย์ของ Banana Boat Simply Protect Sport SPF50+ PA++++

ขวดนี้เราสามารกระจายตัวได้อย่างทั่วถึงแม้ฉีดเพียงไม่กี่ครั้ง

จึงมั่นใจได้ว่าผิวของเราถูกปกป้องครอบคลุม หายห่วงแน่นอน

พร้อมแล้วก็ออกไปตะลุยถ่ายรูปกับมุมสตรีทอาร์ตตามมุมนั้นมุมนี้เป็นที่ระลึกกันต่ออีกสักนิด

แอบกระซิบว่า ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เค้าจะมีการปิดถนนบริเวณนี้เพื่อเปิดเป็นถนนคนเดินอีกด้วย

ใครผ่านมาเที่ยวระยอง มีโอกาสก็แวะไปเดินเล่นกันได้นะคะ

สถานที่สุดท้ายของวันนี้ เราแวะมาที่ " จุ ด ช ม วิ ว เ ข า โ บ ส ถ์ "

สะพานแขวนสีเขียวสดใส ดูกลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบ

ตัวสะพานขึงด้วยลวดสลิงดูแข็งแรง ตั้งอยู่บนความสูงเหนือพื้นดินระดับ 10 เมตร ยาว 75 เมตร

โดยจากจุดที่ยืนอยู่ เราสามารถมองเห็นภูเขาตัดกับเส้นขอบฟ้าได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ

ส่วนอีกฝั่งบนอาคารสีขาวจะเห็นทะเล ท้องฟ้า วัดเขาโบสถ์

และสถานที่สำคัญของจังหวัดระยองอีกหลายแห่งได้ด้วยตาเปล่า

เหมาะแก่การไปพักผ่อนสูดอากาศเติมความสดชื่น ชมวิวมุมสูงสวยๆ

มาระยองให้ถึงระยองก็ต้องกินผลไม้ เรียกรวมพลกระโดดขึ้นรถมุ่งหน้าสู่ " ส ว น ล ะ ไ ม " 

อาณาจักรของคนรักผลไม้ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างขวางมากถึง 500 ไร่

ในบรรยากาศโดยรอบโอบล้อมไปด้วยภูเขาและธรรมชาติ แบบบ้านสวนแท้ๆ

พร้อมให้เราได้ อิ่มอร่อย เพลิดเพลิน ไปกับบุฟเฟ่ต์ผลไม้สดๆ จากสวน

อาทิ ทุเรียน เงาะ มังคุด และอาหารว่างนานาชนิดแบบจัดเต็ม !!!

แม้แดดยามบ่ายจะแรงดีไม่มีตก แต่สายลุยอย่างเราก็เที่ยวได้แบบหมดกังวล

เพราะมีผู้ช่วยคู่ใจไปด้วยทุกที่ รีบหยิบ Banana Boat Simply Protect Sport SPF50+ PA++++

ที่ปราศจากทั้งน้ำมัน และน้ำหอมมาปกป้องผิวแบบด่วนๆ โชคดีที่เจ้ากันแดดตัวนี้ของเรา

เป็นสูตรกันน้ำและทนต่อเหงื่อ แถมยังช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA,UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมกับลดส่วนผสมของสารกัดเคมีน้อยลงถึง 25% ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมซาบเร็ว

ให้เราสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ต่อได้อย่างเต็มที่ ~

 

ส่วนคืนนี้เราพักกันที่โซนสุดชิคอย่างที่พักดีไซน์รถบ้านสุดเก๋

ที่ด้านในนั้นมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ต่างจากพักในโรงแรมหรือรีสอร์ทเลยค่ะ

ท่ามกลางโลเคชั่นที่โอบล้อมไปด้วยวิวเขา ริมทะเลสาบ และวิวพระอาทิตย์ตกที่ต้องบอเลยว่าบรรยากาศดีสุดๆ!

แล้วมาจัดเต็มกันต่อกับมื้อเย็นอย่างเซ็ต ป า ร์ ตี้ บ า ร์ บี คิ ว ~

ที่ลูกค้าสามารถเตรียมของสดมาปิ้งย่างเองได้ โดยเสียแค่ค่าอุปกรณ์และถ่านเพียง 40 บาทค่ะ

หรือ ถ้าใครอยากทานเป็นอาหารจานเดียวหรือกับข้าว ทางสวนละไมก็มีบริการให้เลือกสั่งได้เช่นกัน

 

 

 

DAY 2

หลับสบายจนไม่อยากตื่น! แต่ก็ต้องตื่นมาทานอาหารเช้า

เตรียมเช็คเอาท์มุ่งหน้าสู่ท่าเรือบ้านเพ เพื่อขึ้นเรือข้ามไปเกาะเสม็ดกันจ้า

ซึ่งถ้าใครเลือกพักรีสอร์ทในเครือทรายแก้วบีชอย่างพวกเรายิ่งสะดวกสุดๆ เลยค่ะ

เพราะเราสามารถมาขึ้นเรือที่ท่าส่วนตัวของทางรีสอร์ทได้เลย

โดยเรือที่ข้ามไปเกาะจะออกวันละ 3 รอบด้วยกัน คือ 11.00 น. , 13.30 น. และ 16.00 น.

ส่วนขากลับจากรีสอร์ทมาท่าเรือนั้นออกเวลา 10.00 น. , 12.30 น. และ 15.00 น. ค่ะ

ทรายแก้วบีช รีสอร์ท ที่พักดีไซน์น่ารักบนหาดทรายแก้ว หาดยอดฮิตของเกาะเสม็ด

ที่มาพร้อมห้องพักหลากหลายสไตล์ให้เลือก ด้านในแบ่งออกเป็น 3 โซน

คือ Hip วิลล่าชิคๆ ตั้งอยู่ติดริมหาดทรายแก้ว Hub / ตึกสองชั้นโดดเด่นที่ทางเดินและระเบียงไม้ให้ความรู้สึกชิลๆ

และ Hide บังกะโลสีฟ้าสดใสซ่อนตัวอยู่ในสวนไม้นานาชนิด ดูสงบ ร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อน

แถมแต่ละโซนยังมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งให้เล่นแบบไม่ต้องเดินไปไหนไกล

นอกจากนี้ยังมีบริการสปา ฟิตเนส ร้านอาหารและบาร์ริมทะเลที่บอกเลยว่าบรรยากาศดีสุดๆ!

เห็นมาแต่บนเรือว่าน้ำทะเลมันใสแจ๋วจนอดใจไม่ไหว ว่าแล้วก็ขอสะบัดผ้าไปเริงร่าท้าแสงแดดกันหน่อย

แต่ก่อนอื่นต้องอย่าลืมป้องกันผิวด้วย Banana Boat Simply Protect Sport SPF50+ PA++++ หลอดนี้ซะก่อน

แอบหนีเข้าห้องไปอาบน้ำใหม่อีกสักรอบ จัดการเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำตัวเก่งจนเรียบร้อย

เรือของโดมทราเวลที่จะเป็นไกด์อาสาพาเราไปดำน้ำในวันนี้ก็มาจอดรออยู่ที่ด้านหน้าชายหาดพอดี

โดยแพลนของเราในครั้งนี้คือการไปเที่ยวเกาะทะลุ และดำน้ำตื้นรอบเกาะค่ะ

 

ระหว่างที่นั่งว่างๆ อยู่บนเรือก็ขอหยิบ Banana Boat Simply Protect Sport SPF50+ PA++++

มาทาซ้ำอีกสักรอบ ข้อดีที่เราเลิฟมากๆ ของเจ้ากันแดดตัวนี้ก็คือ นอกจากจะซึมซาบเร็ว ลดสารเคมีถึง 25% 

เเล้วยังปราศจากสาร Oxybenzone & Parabens ที่ทำลายสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะปะการังใต้ท้องทะเลอีกด้วยนะ

คราวนี้ล่ะ ต่อให้ดำน้ำเพลินขนาดไหนก็หมดกังวลทั้งเรื่องผิวเสีย และทำร้ายเพื่อนร่วมโลกของเราไปได้เลย~

 

เกาะทะลุ อีกหนึ่งเกาะอันซีนในอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าและหมู่เกาะเสม็ด

ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ทั้งบนบกและโลกใต้น้ำ เรียกว่าเป็น ส ว ร ร ค์ ข อ ง ค น รั ก ก า ร ดำ น้ำ ตื้ น

ที่สวยงามไม่แพ้ทางฝั่งอันดามัน กับภาพช่องหินที่เว้าแหว่งทะลุจนสามารถมองเห็นอีกฝั่งเหมือนช่องประตู

จนกลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่ต้องมาเช็คอินของนักท่องเที่ยวก็ว่าได้

หลังเริงร่าท้าแดดเพื่อรูปสวยๆ จนพอใจ ก็ถึงเวลาพักผ่อนตั้งโต๊ะทานมื้อกลางวันกันแล้วจ้า

โดยในแพ็คเกจดำน้ำของเรา จะรวมอาหารมื้อกลางวันของเราไว้เรียบร้อยเลยค่ะ

คือ มีข้าวกล่อง ขนม ผลไม้ และน้ำดื่มไม่อั้นทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลม แต่ระวังอย่าทานจนอิ่มจนเกินไปนะคะ

ไม่งั้นตอนไปดำน้ำอาจจะกลายเป็นการให้อาหารปลาเอาได้ 5555555

จากนั้นทางสต๊าฟก็จะปล่อยฟรีให้เราได้เลือกทำกิจกรรมต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นเล่นน้ำ ดำน้ำตื้นด้านหน้าหาด หรือถ้าใครอยากได้มุมสุดว้าว

ีแนะนำให้ออกกำลังกายเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนเลยค่ะ ระยะทางสั้นๆ เพียง 300 เมตร ใช้เวลาเดินไม่เกิน 5 นาท 

ยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว ซึ่งจากจุดนี้เราสามารถมองเห็นวิวของหมู่เกาะน้อยใหญ่ใกล้เคียงได้อย่างสวยงาม

โดยก่อนจะขึ้นมาใช้พื้นที่ของเกาะทะลุนั้น เราจะต้องสียค่าเข้าอุทยานฯ ก่อนค่ะ

ราคาคนไทยผู้ใหญ่จะตกอยู่ที่คนละ 40 บาท เด็ก 20 บาท ส่วนต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท

ด้านบนก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล เตียงผ้าใบให้เช่า และห้องน้ำไว้บริการ เพียงแต่ไม่อนุญาตให้ค้างแรมบนเกาะนะคะ

นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้แบบวันเดย์ทริปเช้า-เย็นกลับเท่านั้น

ถึงเวลากลับเข้าฝั่งมาอาบน้ำ เตรียมตัวไปทานมื้อเย็นริมทะเลที่หาดทรายแก้ว

เวิ้งอ่าวติดเขารูปพระจันทร์เสี้ยว ท่ามกลางน้ำทะเลสีฟ้าใสแจ๋ว และเม็ดทรายขาวเนียนละเอียดนุ่มจนเหมือนเดินบนแป้ง

เป็นอะไรที่ดีต่อใจมากมากกกกกกกกค่ะ 

เราเดินเล่นเลียบหาดมาเรื่อยๆ ไม่นานก็ถึง " พ ล อ ย ท ะ เ ล " ร้านอาหารขึ้นชื่อ

ขวัญใจนักท่องเที่ยวที่มีให้เราเลือกนั่งได้ทั้งโซนโต๊ะด้านบน หรือโซนใกล้ชิดติดริมหาดอย่างเบาะนั่งสไตล์ไทยๆ

ใครเป็นสายซีฟู้ดนี่ถูกใจแน่นอน เพราะกุ้ง หอย ปู ปลาของที่นี่ นอกจากตัวใหญ่แล้วรสชาติยังสดเอามากๆ

ฟินกับอาหารไปแล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยสำหรับคนมาทานอาหารที่ร้านพลอยทะ

คงต้องยกให้โชว์ควงกระบองไฟ ที่พี่ๆน้องๆ นักแสดงแต่ละคนนั้น ต่างก็แข่งกันงัดลีลา ท่าทางออกมาชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร

เรียกได้ว่า #จัดจ้านในย่านเกาะเสม็ด เด็ดจนต้องยกนิ้วให้จริงๆ จ้า สุดยอดดด~


 

DAY 3

เผลอแว้บเดียว เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เราข้ามกลับจากเกาะเสม็ดมาทางฝั่งระยองอีกครั้ง

เพื่อแวะเที่ยว " ส ะ พ า น รั ก ษ์ แ ส ม " สะพานแขวนทางเดินไม้แห่งเดียวในอำเภอแกลง จ.ระยอง

แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อันแสนอุดมสมบูรณ์จนขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านของปูแสมนับร้อยตัว

นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถร่วมทำกิจกรรมปล่อยปูได้โดยซื้อจากบริเวณด้านหน้าทางเข้า

ราคาถังละ 39 บาท เราก็จะได้มาเป็นปูตัวผู้ตัวเมีย 2 ตัว เตรียมเข้าไปปล่อยในเรือนหอปูแสมกันแล้วค่ะ

ซึ่งเรือนหอที่ว่าก็คือ คอกที่ทางศูนย์อนุรักษ์ทำไว้สำหรับใช้ปล่อยปูแสมนั่นเองจ้า

หน้าตาเป็นรางเหมือนสไลเดอร์ให้เราปล่อยน้องปูลงไป จากนั้นน้องก็จะไหลๆ ลงไปสู่ด้านล่างโดยสวัสดิภาพ เย้~

ก่อนเดินทางกลับเพื่อเป็นการป้องกันท้องหิวระหว่างทาง เห็นทีต้องมีตัวช่วย เราเลือก " Martique Sky Bar " 

ร้านรูฟท้อปบรรยากาศสุดว้าวภายใน Tique Series Boutique Resort ที่มาพร้อมความอร่อยแบบโฮมเมดสไตล์ไทย-ยุโรป

มากถึง 100 เมนู ท่ามกลางวิวภูเขา แม่น้ำ ทะเล และพระอาทิตย์ตกในที่เดียว

 

สำหรับเมนูมาแล้วต้องลอง…ต้องเมนูนี้เลย

หลนกะปิกุ้งสด / แกงคั่วปูใบชะพลูเสิฟพร้อมเส้นหมี่เสวย / แกงหมูแขนงสับปะรดมาร์ทีค / เส้นแองเจิลโหระพาซีฟู้ด

ที่สำคัญอย่าลืมเผื่อพื้นที่ว่างในท้องให้เมนูเด็ดอย่างพิซซ่าคาโบนาร่าด้วยนะจ๊ะ

แล้วรับรองเลยว่าจะเป็นมื้อปิดท้ายทริปที่ฟินสุดๆ แน่นอน!

 

ใครสนใจอยากมาทานดินเนอร์ อิ่มเอมไปกับวิวสวยๆ และอาหารมื้อร่อยแบบเรา

ก็แวะมาได้ที่ Tique Series Resort 124/3 หมู่ 6 อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง

เปิดตั้งแต่เวลา 10.00 - 22.00 น. หรือโทรมาสอบถามเส้นทางเพิ่มเติมได้ที่

เบอร์ 038-648-099 , 089-834-1234 เลยจ้า

 

++++เพราะทริปนี้มีผู้ช่วยรู้ใจไปกับเราได้ทุกที่อย่าง Banana Boat Simply Protect Sport SPF50+ PA

การเที่ยวระยอง Feat. เกาะเสม็ดของเราเลยสนุกได้เต็มที่แบบไม่ต้องคอยหลบแดดอีกต่อไป ~

ส่วนครั้งหน้าถ้าจะไปเที่ยวที่ไหนก็อย่าลืมพกติดกระเป๋าไว้บ้างนะจ๊ะ รับรองว่าสนุกได้ทุกสถานการณ์แน่นอน คอนเฟิร์ม!

  

 

แชร์บทความนี้

Banana Boat Simply Protect Sport Sunscreen Spray SPF50+ PA++++ 170g.

Review
[ 0 รีวิว]
ราคา
฿288 ฿720
ขนาดบรรจุ
170 ml.

บทความอื่นๆ